ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ไฮยาลูรอนิคแอซิด เป็นสารที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เนื่องจากความสามารถ ในการกักเก็บน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวหนังมนุษย์ผลิตไฮยาลูรอนิคตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตสารนี้จะลดลง ส่งผลให้ผิวแห้ง เหี่ยวย่น และขาดความยืดหยุ่น
ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารธรรมชาติ ที่พบได้ในร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่นผิวหนัง ข้อต่อ และดวงตา สารนี้มีหน้าที่หลัก ในการช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้เนื้อเยื่อมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ ยังช่วยในกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และการรักษาบาดแผล
ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไฮยาลูรอนิคถูกใช้เป็นส่วนผสมสำคัญ เนื่องจากความสามารถ ในการกักเก็บน้ำ ซึ่งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวดูเรียบเนียน และเปล่งปลั่งมากขึ้น ไฮยาลูรอนิคที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวลึก ช่วยให้ผิวฟื้นฟู และคงความยืดหยุ่นได้ดี [1]
ไฮยาลูรอนิคแอซิดมีคุณสมบัติเด่นในการกักเก็บน้ำในปริมาณมาก โดยสามารถกักเก็บน้ำ ได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 1,000 เท่า จึงทำให้ผิวที่ได้รับสารนี้ชุ่มชื้นตลอดวัน นอกจากนี้ ยังช่วยเติมเต็ม และลดริ้วรอยบางๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นของผิว ในทุกสภาพอากาศ
ไฮยาลูรอนิคแอซิดในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ไฮยาลูรอนิคโมเลกุลใหญ่ มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำ บนผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น และเปล่งปลั่งทันที ไฮยาลูรอนิคโมเลกุลเล็ก สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกมากขึ้น ทำให้เกิดความชุ่มชื้นจากภายใน และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารที่ได้รับการวิจัย และใช้อย่างแพร่หลายเพื่อการบำรุงผิว โดยเฉพาะเรื่องความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิว งานวิจัยหลายชิ้น แสดงให้เห็นว่า การใช้ไฮยาลูรอนิคในรูปแบบต่างๆ ทั้งการทาภายนอก และการรับประทาน สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากการศึกษาแบบสุ่มตัวอย่าง ที่มีการควบคุม พบว่าการรับประทานไฮยาลูรอนิค ในปริมาณ 120 มก./วัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว โดยผลลัพธ์นี้ สังเกตได้ภายใน 6 สัปดาห์หลังการรับประทาน นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานว่า ผลกระทบด้านการชุ่มชื้นยังคงอยู่ แม้หลังจากการรับประทาน สิ้นสุดไปแล้ว 2 สัปดาห์
การทาภายนอก โดยใช้ไฮยาลูรอนิค ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า มีประสิทธิภาพเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้สารที่มีขนาดโมเลกุลแตกต่างกัน ทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก โมเลกุลขนาดเล็ก จะสามารถซึมลึกลงสู่ผิว ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยได้ดี ส่วนโมเลกุลขนาดใหญ่ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ที่ชั้นนอกของผิว [2]
สำหรับไฮยาลูรอนิค ในรูปแบบทาน ปริมาณที่ปลอดภัย อยู่ระหว่าง 90-240 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีการศึกษา แนะนำว่าปริมาณประมาณ 120 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นช่วงที่ดี สำหรับการเพิ่มความชุ่มชื้น และลดริ้วรอยบนผิวหนัง เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และไม่มีหลักฐานว่า ยิ่งทานปริมาณมากขึ้น จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ส่วนในรูปแบบทา การใช้เซรั่มที่มีไฮยาลูรอนิค ถือว่าปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเมื่อทาวันละ 1-2 ครั้ง การใช้ไฮยาลูรอนิคหลายโมเลกุลร่วมกัน จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิวได้ดีขึ้น [3]
แม้ว่าไฮยาลูรอนิคแอซิด จะเป็นสารที่อ่อนโยน และเหมาะกับทุกสภาพผิว แต่สำหรับบางคน อาจมีอาการแพ้เล็กน้อย เช่นผื่นแดง หรือระคายเคือง หากเกิดอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีไฮยาลูรอนิค ในบริเวณผิวที่เป็นแผลเปิด
การเลือกผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค ควรคำนึงถึงสภาพผิวของตนเอง เช่นสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกสูตรที่มีความเข้มข้นสูง และสามารถใช้ร่วมกับ Moisturizer ชนิดอื่นๆ สามารถใช้ร่วมกับ เซรั่มวิตามินซี เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมประสิทธิภาพการดูแลผิว ในการรักษาความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารสกัด ที่มีประโยชน์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้มีความยืดหยุ่น ด้วยคุณสมบัติ ในการกักเก็บน้ำที่โดดเด่น จึงเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หลากหลายชนิด การใช้อย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดี
[1] fjps. (April 24, 2024). Hyaluronic-acid. Retrieved from fjps
[2] nutritionj. (July 11, 2014). Ingested hyaluronan. Retrieved from nutritionj
[3] wholydose. (October 15, 2021). What Are Hyaluronic-Acid. Retrieved from wholydose
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.