ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
เมลาโทนิน ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมจังหวะการนอนหลับ และการตื่นตามธรรมชาติของร่างกาย แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า เมลาโทนินมีประโยชน์อย่างไรบ้าง นอกเหนือจากการช่วยเรื่องการนอนหลับ และควรหรือไม่ ที่จะใช้เมลาโทนินเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย
เมลาโทนินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินอีถึงสองเท่า และยังสามารถเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่นกลูโคสใน Mitochondria ซึ่งสนับสนุนประโยชน์ของการนอนหลับให้เพียงพอ เพราะหากไม่ได้รับการนอนหลับเพียงพอ ก็จะไม่ได้รับเมลาโทนินเพียงพอเช่นกัน
เมลาโทนินยังมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน ยิ่งมีเมลาโทนินน้อยเท่าไหร่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ก็จะต้านทานเชื้อโรคน้อยลงเท่านั้น และจะมีปัญหาสุขภาพมากขึ้น เมลาโทนินยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และสามารถช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคหัวใจและมะเร็ง
เมลาโทนินมีคุณสมบัติ ในการปกป้องระบบประสาท ช่วยความจำ และป้องกันภาวะสมองเสื่อม สำหรับอาหารที่ช่วยเพิ่มระดับเมลาโทนิน ได้แก่ เห็ด ปลา และถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยเมลาโทนิน
58% ของผู้คนประสบปัญหาในการนอนหลับ และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์เสริมเมลาโทนิน ซึ่งได้รับการรายงาน ว่ามีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ เช่นศาสตราจารย์แอนดรูว์ ฮูเบอร์แมน จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้เตือนเกี่ยวกับการใช้เมลาโทนินเสริม
โดยตั้งคำถามว่า มันเป็นเพียงวิธีแก้ไขปัญหาที่เกินจริง ซึ่งควรหยุดหรือไม่ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้เมลาโทนิน ได้แก่ฝันร้าย ความรู้สึกมึนงงในตอนเช้า การพึ่งพาสาร และเนื่องจากเมลาโทนินเป็นฮอร์โมน การใช้เมลาโทนินเสริม อาจส่งผลต่อการพัฒนาของฮอร์โมน เช่นการผลิตฮอร์โมนโปรแลคติน
เมลาโทนินถูกผลิตตามธรรมชาติในร่างกาย โดยต่อมไพเนียลในสมอง ซึ่งทำงานตามจังหวะการนอนหลับและการตื่นที่เรียกว่า “circadian rhythm” โดยจะมีระดับต่ำในเวลากลางวัน และสูงในเวลากลางคืน เมลาโทนินจะทำงานกับตัวรับ MT1 และ MT2 ช่วยปรับจังหวะการนอนหลับและการตื่น
การรับประทานเมลาโทนินในปริมาณสูง ยังอาจช่วยลดฮอร์โมนลูทิไนซิง (LH) ที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และยังช่วยลดอาการกรดไหลย้อน (GERD) นอกจากนี้ เมลาโทนินยังช่วยลดความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า เนื่องจากการนอนไม่หลับ มักทำให้เกิดความวิตกกังวล และอารมณ์ซึมเศร้า
อีกทั้งเมลาโทนินยังมีบทบาท ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากไม่ได้รับการนอนหลับเพียงพอ ระดับน้ำตาลในเลือดจะมีปัญหาได้ และเมื่ออายุมากขึ้น ระดับเมลาโทนินจะลดลง จึงจำเป็นต้องหาวิธีเพิ่มระดับเมลาโทนิน [1]
การวิจัยแสดงให้เห็นว่า เมลาโทนินสามารถช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาในการนอนหลับ สามารถหลับได้เร็วขึ้น การใช้เมลาโทนินในขนาดประมาณ 300 ไมโครกรัม 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน สามารถช่วยปรับจังหวะการนอนหลับให้เหมาะสม การใช้ในปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่นปวดหัว เวียนศีรษะ ปากแห้ง
เมลาโทนินสามารถทานคู่กับ ซีลีเนียม จะช่วยเสริมสร้างการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น หรือทานคู่กับ น้ำมันปลา มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยลดการอักเสบ และส่งเสริมสุขภาพสมอง อาจช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น [2]
งานวิจัยพบว่าการใช้เมลาโทนินเสริม มีประโยชน์มากกว่าการช่วยเรื่องการนอนหลับ โดยสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคตา ที่พบบ่อยในผู้สูงอายุหรือ AMD ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้การมองเห็นบริเวณกลางภาพพร่ามัว ในผู้ป่วยหลายคน การสูญเสียการมองเห็นส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจมาก
จักษุแพทย์จากคลินิก Cleveland กล่าวว่าปัจจุบันวิตามินต้านอนุมูลอิสระถูกใช้เพื่อป้องกัน AMD แต่อาจไม่สามารถหยุดยั้งการดำเนินโรคได้ทั้งหมด ดังนั้นนักวิจัยจึงเริ่มศึกษา เกี่ยวกับประโยชน์ของเมลาโทนิน ซึ่งไม่เพียงมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ แต่ยังมีประโยชน์ในการปกป้องเม็ดสีของจอประสาทตาอีกด้วย
การศึกษาที่ติดตามผู้ป่วยกว่า 121,000 คน ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปและไม่มีประวัติเป็น AMD พบว่าการรับประทานเมลาโทนินลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ป่วยกว่า 66,000 คนที่มี AMD ระยะเริ่มต้น พบว่าผู้ที่รับประทานเมลาโทนิน มีโอกาสที่โรคจะพัฒนารุนแรงต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทาน [3]
การศึกษาบางส่วน ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ระหว่างระดับเมลาโทนินที่ลดลงกับการแก่ตัว เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตเมลาโทนินได้น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการต้านอนุมูลอิสระ และการต้านการอักเสบ ดังนั้นการใช้เมลาโทนินในปริมาณต่ำ อาจช่วยฟื้นฟูระดับเมลาโทนินในร่างกาย ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้เมลาโทนินเสริม เว้นแต่จะรักษาอาการเฉพาะ เช่นปรับปรุงภาวะสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ แต่สำหรับบุคคลทั่วไป ไม่แนะนำให้ใช้เมลาโทนินเสริม เพราะร่างกายสามารถผลิตเองได้ แม้ว่าระดับเมลาโทนินจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถปรับปรุงได้
และควรหลีกเลี่ยงการใช้เมลาโทนินในปริมาณสูง และหากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เสริม ควรปรึกษาแพทย์ก่อน ข้อแนะนำควรปิดไฟในห้องนอน ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และลดแสงจากหน้าจอโทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์ลง เพราะแสงสีฟ้า จะรบกวนการผลิตเมลาโทนิน และเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน
เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนสำคัญ ที่มีบทบาทมากกว่าการควบคุมการนอนหลับ ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และอาจช่วยป้องกันโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม การใช้เมลาโทนินเสริมควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากการใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจมีผลข้างเคียงได้
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.