ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
น้ำมันปลา คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อสุขภาพของเรา หลายคนคงเคยได้ยินถึงประโยชน์ของน้ำมันปลา แต่ยังไม่ทราบว่าน้ำมันปลา เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ในการดูแลสุขภาพ ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับน้ำมันปลา และประโยชน์ที่มอบให้กับร่างกายของเรา
อาหารเสริมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอเมริกา เป็นอันดับ 3 คือโอเมก้า-3 ซึ่งพบได้ในน้ำมันปลา หลายคนเชื่อว่าเป็นสารอาหารสำคัญ สำหรับสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะ DHA ซึ่งเป็นหนึ่งในโอเมก้า-3 ที่มีความสำคัญและช่วยป้องกันโรคได้ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโอเมก้า-3 ช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ไขมันโอเมก้า-3 เป็นไขมันสำคัญในน้ำมันปลา เป็นไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated fats) ที่มีโครงสร้างเคมีเฉพาะ เชื่อว่าโอเมก้า-3 ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์สมอง เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อประสาทใหม่ (neuroplasticity)
และเกิดพัฒนาการ ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท (synaptic transmission) ทำให้เซลล์สมอง มีความยืดหยุ่น และสามารถทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้โอเมก้า-3 ยังมีบทบาท ในการปกป้องเซลล์สมอง โดยเป็นสารตั้งต้นของโมเลกุล ที่ช่วยป้องกันเซลล์ประสาท (neuroprotective) ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการอักเสบ และการเสื่อมสภาพ ของเซลล์สมอง น้ำมันปลาสามารถทานคู่กับ เคอร์คูมิน เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระหรือ โพรไบโอติกส์ เพื่อช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน
มีการวิจัยเปรียบเทียบคุณภาพน้ำมันปลา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าน้ำมันปลาที่ได้รับออกซิเจนเพียงเล็กน้อย สามารถกลายเป็นน้ำมันที่เสียได้ง่าย และมีกลิ่นเหม็นคาวการ Oxidized ทำให้ไขมันเสียหาย และกระตุ้นการตอบสนองการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัย ที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจ
การศึกษาที่นิวซีแลนด์พบว่า 83% ของน้ำมันปลา ที่ทดสอบไม่ผ่านมาตรฐาน ของอุตสาหกรรม โดยพบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีระดับการออกซิไดซ์สูง ในการศึกษาซ้ำในห้องปฏิบัติการ กลับพบว่า 20% ของผลิตภัณฑ์ ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งแม้จะน้อยลง แต่ยังถือเป็นสัดส่วนที่น่ากังวล
มีการศึกษาโดย Dr. Andrew Gray ที่สรุปผลจากงานวิจัยชั้นนำทั่วโลก เกี่ยวกับน้ำมันปลา เขาพบว่าไม่มีหลักฐานชัดเจน ว่าน้ำมันปลาช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวาย การวิจัยนี้ชี้ว่าผู้ที่บริโภคโอเมก้า-3 เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ อาจไม่ได้รับประโยชน์ตามที่คาดหวัง [1]
น้ำมันปลามีโอเมก้า-3 ถือเป็นสารอาหารจำเป็น ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง แต่เราจำเป็นต้องได้รับ และคนมากถึง 70% ขาดโอเมก้า-3 การเลือกซื้อน้ำมันปลา ไม่ควรดูจากราคาถูก เพราะน้ำมันปลาอาจเสื่อมสภาพได้ง่าย เนื่องจากปลามีโอกาสถูกออกซิไดซ์สูง
ควรบริโภคปลา ที่มีไขมันสูงเช่น ปลาซาร์ดีน เนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า และไข่ วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย แม้จะมีโอเมก้า-3 แต่เป็นเพียงสารตั้งต้นที่ต้องเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA โดย EPA ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย DHA ดีต่อสมอง เพราะสมองประกอบด้วย DHA ถึง 20% จึงช่วยเรื่องความจำ การเรียนรู้ และสมาธิ [2]
จากการศึกษา 17 ฉบับ พบว่า การบริโภคน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า-3 อาจช่วยเพิ่มความสามารถทางความคิด เช่น ความจำ (memory) และการคิดวิเคราะห์ (executive function) ผลลัพธ์รวม แสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาในเชิงบวกเล็กน้อย แต่ผลกระทบนี้ อาจแตกต่างกันระหว่างเพศชาย และเพศหญิง
ผลลัพธ์ผู้หญิงมีการพัฒนาความจำ เชิงประสบการณ์ (episodic memory) มากกว่า ขณะที่ผู้ชาย มีการพัฒนาความจำเพื่อการทำงาน (working memory) มากกว่า สรุปได้ว่า การบริโภคน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า-3 มีหลักฐานว่าสามารถช่วยพัฒนาบางด้าน ของการทำงานสมองได้ [3]
อีกหนึ่งประโยชน์สำคัญ ของน้ำมันปลาคือช่วยลดปัญหาหอบหืด และภูมิแพ้ในเด็ก โดยวิตามินดีในน้ำมันปลา ช่วยลดการอักเสบในปอด และเมื่อได้รับแสงแดดเพียงพอ ภาวะหอบหืดในเด็กจะทุเลาลง
นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาตาแห้ง ผิวหนังอักเสบ ข้ออักเสบทั้งแบบรูมาตอยด์ และกระดูกเสื่อม ช่วยลดการเกิดภาวะไขมันพอกตับ และเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม
น้ำมันปลาเป็นแหล่งสำคัญ ของโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญ สำหรับสุขภาพที่ดี ช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจ สมอง และการลดการอักเสบในร่างกาย การเพิ่มน้ำมันปลาในอาหาร สามารถทำให้ได้รับประโยชน์มากมาย แต่ควรเลือกบริโภคน้ำมันปลา จากแหล่งที่มีคุณภาพ
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.