ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
คาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารกระตุ้นที่พบมากในกาแฟ ชา โกโก้ และเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ หลายคนคุ้นเคยกับคาเฟอีน ในฐานะสารที่ช่วยเพิ่มความตื่นตัว และเพิ่มพลังงาน แต่ในขณะเดียวกัน คาเฟอีนก็ถูกนำมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก และช่วยในการลดน้ำหนัก กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน การระงับความอยากอาหาร และการเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
คาเฟอีนเป็นสารเคมี ที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความตื่นตัว และลดความเหนื่อยล้า มักพบในกาแฟ ชา กรีนทีเอ็กซ์แทรค เครื่องดื่มชูกำลัง และช็อกโกแลต โดยคาเฟอีน จะทำงานโดยการยับยั้งAdenosine ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกง่วง เมื่อคาเฟอีนเข้าไปในร่างกาย จะทำให้เกิดความตื่นตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน และช่วยเผาผลาญไขมันได้เล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย การบริโภคคาเฟอีน ในปริมาณที่เหมาะสม อาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงของบางโรค เช่นโรค Parkinson และโรคเบาหวานประเภท 2
คาเฟอีนมีผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกายโดยตรง เมื่อบริโภคคาเฟอีนเข้าไป ร่างกายจะเริ่มกระตุ้นการทำงาน ของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่า “thermogenesis” ซึ่งคือการเพิ่มอุณหภูมิของร่างกาย
ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น นอกจากนี้คาเฟอีน ยังช่วยกระตุ้นการทำงาน ของฮอร์โมนเอนไซม์ที่ชื่อว่า “catecholamines” ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ในการเผาผลาญไขมันอีกด้วย
ที่มา: How To Optimize Caffeine [1]
การศึกษาพบว่า การบริโภคคาเฟอีน ก่อนการออกกำลังกาย สามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่ไม่เคยบริโภคคาเฟอีนเป็นประจำ ผลลัพธ์แสดงว่า ผู้ที่บริโภคคาเฟอีน สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น และเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นถึง 10-29%
ระหว่างการออกกำลังกาย คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ทำให้การใช้งานไขมันในกล้ามเนื้อ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ ต่อการลดน้ำหนัก และการควบคุมรูปร่าง [2]
คาเฟอีนช่วยลดน้ำหนักได้ โดยการเพิ่มอัตราการเผาผลาญ และกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน โดยการปล่อยกรดไขมัน จากเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งจะถูกใช้เป็นพลังงานได้ มีงานวิจัย ที่ระบุว่าคาเฟอีน สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มเติมได้ ประมาณ 80-150 แคลอรีต่อวัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว และปริมาณคาเฟอีนที่บริโภค
สำหรับการลดไขมัน ปริมาณคาเฟอีน ที่แนะนำคือ 100–400 มก. ต่อวัน (เทียบเท่ากับกาแฟ 1-4 แก้ว) แต่ควรระมัดระวังไม่ให้เกิน 400 มก. เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรรับประทานคาเฟอีน ก่อนออกกำลังกายประมาณ 45-60 นาที เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมัน [3]
แม้ว่าคาเฟอีนจะมีศักยภาพ ในการช่วยลดน้ำหนัก แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณมาก อาจส่งผลข้างเคียง เช่นการนอนไม่หลับ หงุดหงิดใจสั่น หรือความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ คาเฟอีนยังอาจทำให้ร่างกายเกิดการพึ่งพา ซึ่งส่งผลให้เมื่อหยุดบริโภค อาจเกิดอาการปวดหัว หรือความเหนื่อยล้า
การใช้คาเฟอีน ควรอยู่ในปริมาณที่พอดี และควรหลีกเลี่ยง การบริโภคในช่วงเย็น หรือใกล้เวลาเข้านอน เพื่อลดผลกระทบต่อการนอนหลับ การออกกำลังกาย ร่วมกับการบริโภคคาเฟอีน สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในการลดน้ำหนักได้ดี แต่ควรใช้คาเฟอีน เป็นเพียงตัวช่วยเสริม
คาเฟอีนมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยลดน้ำหนัก โดยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน เพิ่มการเผาผลาญไขมัน และลดความอยากอาหาร แต่ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียง เมื่อบริโภคมากเกินไป การใช้คาเฟอีน ควรควบคู่กับการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพโดยรวม เพื่อลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน และปลอดภัย
[1] muscleandstrength. (June 13, 2020). How To Optimize Caffeine. Retrieved from muscleandstrength
[2] sciencedaily. (March 22, 2021). A strong coffee half an hour before exercising. Retrieved from sciencedaily
[3] henryford. (February 28, 2024 ). How Caffeine Affects Your Metabolism . Retrieved from henryford
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.