ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
กรดโฟลิก หรือที่เรียกว่าวิตามินบี 9 เป็นสารอาหารสำคัญ ที่มีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าที่หลายคนคิด วิตามินชนิดนี้ พบได้ทั้งในอาหารตามธรรมชาติ และในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริม การขาดกรดโฟลิกอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรรู้ และให้ความสำคัญ ในการเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม
กรดโฟลิกไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติในครรภ์เท่านั้น แต่ยังเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ที่ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น เพื่อให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของกรดโฟลิก Dr. Stacy Center จาก Central Florida Regional กล่าวว่าหญิงตั้งครรภ์ ควรทานกรดโฟลิก
โดยควรรับประทานกรดโฟลิก สำหรับผู้หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ เริ่มอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อน และต่อเนื่องไปอีกสามเดือนแรก ของการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ กรดโฟลิกไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อผู้ชายเช่นกัน
กรดโฟลิกมีทั้งในรูปแบบสังเคราะห์ (กรดโฟลิก) และรูปแบบธรรมชาติ (โฟเลต) ซึ่งมีความแตกต่างกันในกระบวนการเผาผลาญและการดูดซึม โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาทางพันธุกรรมอย่าง MTHFR ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนกรดโฟลิกสังเคราะห์ ให้เป็นรูปแบบที่ร่างกายสามารถใช้ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง
ที่มา: 7 Health Benefits [1]
ควรเน้นการบริโภคกรดโฟลิก จากแหล่งธรรมชาติ เช่นผักใบเขียวเข้ม หน่อไม้ฝรั่ง Brussels sprouts ผลไม้เช่นส้ม กล้วย และ Strawberry ควรรับประทานวิตามินรวม ที่มีกรดโฟลิกทุกวัน เพื่อประโยชน์ที่ครบถ้วน นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารที่สมดุล และอุดมไปด้วยกรดโฟลิก อาจไม่จำเป็นต้องเสริมเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ได้ทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ และผู้ที่มีปัญหาด้านการดูดซึม เช่นโรค Celiac หรือโรค Crohn’s ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมกรดโฟลิก เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินนี้ อย่างเพียงพอ
การทานกรดโฟลิกร่วมกับ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และซ่อมแซมดีเอ็นเอ ระบบประสาท หรือทานร่วมกับ โอเมก้า3 จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของสมอง และระบบประสาท โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ต้องการเสริมสุขภาพสมอง
กรดโฟลิกช่วยเพิ่มความสามารถ ในการสืบพันธุ์ และลดความผิดปกติของโครโมโซม ที่อาจส่งผ่านในการปฏิสนธิ โดยแนะนำให้ผู้ชาย ที่ต้องการมีบุตร เริ่มรับประทานกรดโฟลิกอย่างน้อย 90 วันก่อน เพื่อให้เกิดประโยชน์เต็มที่ ต่อสุขภาพของสเปิร์ม
นอกจากนี้ กรดโฟลิกมีความสำคัญต่อเด็ก ในการเจริญเติบโต โดยเด็กแรกเกิดถึงอายุ 1 ปี ควรได้รับกรดโฟลิก 50 ไมโครกรัมต่อวัน เด็กอายุ 1-12 ปี ควรได้รับประมาณ 200 ไมโครกรัม และหลังอายุ 12 ปี ควรได้รับ 400 ไมโครกรัมต่อวัน [2]
ผู้ที่มีปัญหาทางพันธุกรรม MTHFR ควรบริโภคกรดโฟลิก ในรูปแบบเมทิลโฟเลต (Methylfolate) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ร่างกายสามารถใช้ได้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเผาผลาญเพิ่มเติม จากเอนไซม์ MTHFR ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวล เรื่องการสะสมของกรดโฟลิก ที่ไม่ได้เผาผลาญ และลดความเสี่ยง ที่จะเกิดผลข้างเคียง
ควรเน้นการบริโภคโฟเลตจากแหล่งธรรมชาติ เพื่อลดการพึ่งพากรดโฟลิกสังเคราะห์ ที่พบในอาหารเสริม และอาหารที่เสริมกรดโฟลิก เช่นซีเรียล ขนมปัง และพาสต้า นอกจากนี้ ควรระวังไม่บริโภคกรดโฟลิกสังเคราะห์มากเกินไป
การทานกรดโฟลิกสังเคราะห์ อาจบังอาการของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีระดับโฮโมซิสเทอีนสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่นการแข็งตัวของหลอดเลือด [3]
กรดโฟลิกเป็นวิตามินสำคัญ ที่ไม่เพียงช่วยในการพัฒนาทารกในครรภ์ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพหัวใจ สมอง และระบบประสาท ในทุกช่วงวัย การเลือกบริโภคกรดโฟลิก ในปริมาณที่พอดี จากแหล่งธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามความจำเป็น สามารถเสริมสร้างสุขภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.