ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
นกโดโด้ ประวัติ นกโบราณที่มีปีกอันไร้ประโยชน์ สัตว์ที่ดูขัดแย้งทั้งด้านพฤติกรรม และรูปลักษณ์ภายนอก เพราะแม้ว่าจะดูร่างกายกำยำ แต่พวกมันกินได้แค่พืชผลไม้ที่หล่นตามพื้น แต่เป็นถึงสัตว์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เป็นไปได้อย่างไร? เราพามาสำรวจชีวิตนกโดโด้กัน
นกโดโด้ (Dodo) นกสายพันธุ์หนึ่งชนิดบินไม่ได้ และอยู่ใน รายชื่อ สัตว์สูญพันธุ์ มาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1693 โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะมอริเชียส (ทางตะวันออกของมาดากัสการ์ มหาสมุทรอินเดีย) ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับนกโซลิแทร์โรดริเกซ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับนกพิราบ และนกเขา [1]
นกโดโด้ ประวัติ มีถิ่นกำเนิดและแหล่งอาศัยในเกาะมอริเชียส โดยการทำรังบนพื้นดิน และกินผลไม้ตามพื้นดิน จนสูญเสียความสามารถในการบิน ซึ่งพวกมันอยู่อาศัยมาอย่างยาวนาน แบบไม่ถูกรบกวน เรียกว่าอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่บนเกาะ และมีนกอีกหลายสายพันธุ์
ย้อนรอยไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1505 ชาวโปรตุเกสเป็นคนกลุ่มแรก ที่มาเยือนเกาะมอริเชียส เพื่อเป็นจุดแวะพักของการค้าขายเครื่องเทศทางเรือ ซึ่งส่งผลกระทบต่อนกโดโด้ เพราะพวกมันเคลื่อนไหวช้า รูปร่างอ้วน ส่วนสูงประมาณ 62 – 75 เซนติเมตร และน้ำหนักมาก 10 – 22 กิโลกรัม ทำให้ถูกฆ่าเป็นอาหารจำนวนมาก
ต่อมาชาวดัตช์ใช้เกาะมอริเชียส เป็นอาณานิคมขังหมูและลิง รวมถึงหนูที่ไม่ได้รับเชิญ พวกมันต่างพยายามกำจัดไข่ของนกโดโด้ ทำให้ประชากรนกโดโด้ลดลงอย่างมาก ภายในเวลา 100 ปี ก็กลายเป็นสายพันธุ์นกหายาก เพราะก่อนหน้านี้เกาะมอริเชียส ไม่มีสัตว์นักล่าที่เป็นภัยกับนกโดโด้เลย [2]
การมีชีวิตอยู่ของนกโดโด้ตัวสุดท้าย ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด เพราะมีเพียงชิ้นส่วนและภาพวาด พวกมันสูญหายไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1681 นักวิทยาศาสตร์เผยว่า อาจมาจากระบบนิเวศบนเกาะเปลี่ยนแปลงไป การแทรกแซงจากสัตว์ต่างถิ่น และถูกล่าเป็นอาหารอย่างต่อเนื่องจากคน จึงนำมาสู่การสูญพันธุ์ทั้งหมด
นกโดโด้ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยุคแรกเคยกล่าวว่า เป็นสายพันธุ์เดียวกับนกกระจอกเทศ แต่แท้จริงการศึกษาจากกะโหลก ทั้งยังได้รับการสนับสนุน ระบุชัดเจนว่านกโดโด้ อยู่ในสายพันธุ์เดียวกับนกพิราบพื้นดิน และมีวิวัฒนาการคล้ายกันอย่างอิสระ อย่างเช่น นกพิราบนิโคบาร์ นกพิราบมงกุฎวิกตอเรีย
นกที่ได้รับฉายาว่า “นกอ้วนผู้โง่เขลา” เนื่องจากว่ามีขนาดใหญ่ บินไม่ได้ และเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ถึงแม้ว่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะคืนฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง จากโครงการชุบชีวิตนกโดโด้ ของบริษัท Colossal Science ที่เคยมีแผนคืนชีพ ช้างแมมมอธ ตัวจริง และ เสือทัสมาเนีย ประวัติ
สำหรับนกโดโด้ มีโอกาสคืนชีพจากการตัดต่อพันธุกรรม ของนกพิราบนิโคบาร์ กับดีเอ็นเอโครงกระดูกนกโดโด้ที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ต้องโคลนนิ่ง หรือตั้งครรภ์เทียมอีกด้วย และมีแผนว่าอาจจะปล่อยกลับคืนสู่แหล่งที่อยู่เดิม แต่ทว่าเกาะมอริเชียส ไม่ได้เต็มไปด้วยผืนป่าอีกต่อไป [3]
ประวัติของนกโดโด้ นกชนิดบินไม่ได้ เพราะมีขนาดใหญ่และปีกที่เล็กมาก ถิ่นกำเนิดในเกาะมอริเชียส นับว่าเป็นสัตว์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร โดยสูญพันธุ์ไปประมาณ 300 ปีก่อน จากการล่าสัตว์ของมนุษย์ ซึ่งหวังเพียงว่าจะสามารถคืนชีพกลับมาได้ จากการตัดต่อพันธุกรรม
นกโดโด้มีโครงสร้างหน้าอก ที่ไม่รองรับต่อการบิน มีปีกขนาดเล็กและบอบบางมาก (Little Winglets) เกินกว่าที่จะยกตัวให้บินขึ้นสูงได้ ซึ่งค่อนข้างไร้ประโยชน์ เพราะหลายคนคิดว่าพวกมันไม่มีปีก แต่ด้วยนกโดโด้ที่วิวัฒนาการอยู่บนเกาะ และไม่มีนักล่า จึงสามารถใช้ปีกว่ายน้ำง่ายกว่าการบิน
ชีวิตของนกโดโด้ในช่วงก่อนการสูญพันธุ์ พวกมันมีชีวิตอยู่เป็นเวลานานกว่า 1,000 ปี โดยปราศจากนักล่าและสัตว์ต่างถิ่น ทั้งยังเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด บนเกาะมอริเชียส จนนับว่าอยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.