ทางเข้า เว็บตรง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ศูนย์รวมความบันเทิงชั้นนำ
กรรณิการ์ นอกจากจะเป็นพันธุ์ไม้ที่มีกลิ่นหอมแรงแล้ว กรรณิการ์ยังเป็นสมุนไพรสามารถรักษาโรคได้อีกด้วย อีกทั้งยังนำมาใช้เป็นอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เรามาเรียนรู้เพิ่มเติมกันได้เลย ว่ามีจุดเด่นและเอกลักษณ์เป็นอย่างไร
ชื่อ: กรรณิการ์
ชื่อสามัญ: night-blooming jasmine, tree of sadness, tree of sorrow, hengra bubar, coral jasmine
ชื่อวิทยาศาสตร์: Nyctanthes arbor-tristis L.
ชื่ออื่นๆ: กณิการ์, ปาริชาติ
วงศ์: Oleaceae (มะลิ)
ถิ่นกำเนิด: ประเทศอินเดีย
ที่มา: กรรณิการ์ [1]
ต้นกรรณิการ์ เป็นไม้พุ่มเตี้ย รูปแบบทรงพุ่ม ค่อนข้างกลม สูงประมาณ 2 – 5 m. แต่ไม่เกิน 10 m.
การขยายพันธุ์: โดยการปักชำ ใช้กับกิ่งที่มียอดอ่อน เป็นวิธีการที่เหมาะสม ออกรากได้ง่าย
วิธีที่นิยม: มักจะขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง วิธีการปลูกทำได้เหมือนพันธุ์ไม้อื่น ไม่แตกต่างกัน
การปลูก: กรรณิการ์ ชอบแสงแดด จึงควรปลูกในที่แจ้ง ปลูกในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี [2] โดยธรรมชาติกรรณิการ์ จะเจริญเติบโตในที่ ได้รับแสงแดดประมาณครึ่งวัน หากปลูกโดยใช้แสงแดดเต็มวันก็ได้ แต่ขนาดใบและดอกจะเล็กลง สีใบจะซีด
ตามตำนานเล่าว่า มีนางฟ้าองค์หนึ่งมาจุติบนโลก เป็นลูกสาวของมหาเศรษฐี ได้พบรักกับพระอาทิตย์ แต่วันหนึ่งพระอาทิตย์กลับปันใจให้หญิงอื่น เธอเสียใจจนตรอมใจตาย พ่อจึงได้เผาศพลูกสาว และเมื่อมาเก็บเถ้ากระดูก ได้มีต้นไม้ผุดขึ้นมา คือต้นกรรณิการ์ เพราะเช่นนี้จึงเป็นที่มาว่าเหตุใด ดอกกรรณิการ์จึงบานตอนกลางคืน เพราะไม่ต้องการเจอกับพระอาทิตย์นั่นเอง
คนไทยเชื่อกันว่า บ้านใดปลูกกรรณิการ์ บ้านนั้นจะมีแต่สิ่งดีๆ มีความสุข ความเจริญมาสู่ครอบครัว และยังเป็นที่พึ่งให้แก่ผู้อื่นได้ หากปลูกทางทิศ ตะวันออกหรือทางทิศใต้
ลักษณะเฉพาะ: กรรณิการ์เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง โดยจะบานเฉพาะตอนกลางคืน และออกดอกตลอดปี [3]
สรุป กรรณิการ์ ที่ดอกมีกลิ่นหอม และออกดอกได้ตลอดปี ยามเมื่อลมหนาวพัดผ่านมา การปลูกต้นกรรณิการ์ไว้ทางทิศเหนือ จึงทำให้ลมพัดกลิ่นหอมโชยเข้าบ้าน นอกจากกลิ่นที่หอมแล้วนั้นยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรต่างๆ มากมาย การปลูกเลี้ยง ดูแลก็ไม่ยาก รับรองว่าปลูกติดบ้านไว้สักต้นคงไม่ผิดหวังแน่นอน
LONPAO Official © 2023 All Rights Reserved.